อเมริกาโน่

อเมริกาโน่ คือ

อเมริกาโน่ (Americano) คือ กาแฟดำที่เกิดจากการผสม เอสเพรสโซ (Espresso) กับ น้ำร้อน โดยไม่มีนมหรือน้ำตาลผสม ทำให้ได้กาแฟที่มีรสเข้ม กลิ่นหอมชัด แต่เจือจางกว่าช็อตเอสเพรสโซเพียวๆ ทำให้ดื่มง่ายกว่า โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรสขมจัดหรือความเข้มเกินไปของกาแฟช็อต

ตอนที่ 1 : จุดกำเนิดของอเมริกาโน่

ตอนที่ 2 : อเมริกาโน่ vs กาแฟดำ ต่างกันตรงไหน?

ตอนที่ 3 : ดื่มอเมริกาโน่ยังไงให้ได้ฟีล

ตอนที่ 4 : อเมริกาโน่เหมาะกับใคร 

ตอนที่ 5 : สรุป

จุดกำเนิดของอเมริกาโน่

อเมริกาโน่

จุดกำเนิดของ Americano มีที่มาน่าสนใจและแอบมีเรื่องราวปนน่ารักอยู่ไม่น้อย โดยต้นตอของกาแฟชนิดนี้เริ่มต้นใน ประเทศอิตาลี ช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อเหล่าทหารอเมริกันถูกส่งไปประจำการในยุโรป และได้ลิ้มรสกาแฟสไตล์อิตาเลียนอย่าง “เอสเพรสโซ” เป็นครั้งแรก

ทหารอเมริกันในยุคนั้น ไม่ชินกับเอสเพรสโซ ที่รสเข้มและปริมาณน้อยมาก ต่างจากกาแฟดริปที่พวกเขาดื่มเป็นประจำที่บ้านในสหรัฐฯ ซึ่งมีรสอ่อนกว่าและมาแบบเต็มแก้ว ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงขอให้บาริสต้าในอิตาลี เติมน้ำร้อนลงในเอสเพรสโซ เพื่อให้รสชาติ อ่อนลง และปริมาณมากขึ้น คล้ายกาแฟดริปที่คุ้นเคย

เมื่อสูตรกาแฟ “เอสเพรสโซ + น้ำร้อน” ได้รับความนิยมมากขึ้น ชาวอิตาลีจึงตั้งชื่อให้กาแฟสไตล์นี้ว่า Caffè Americano หรือ “กาแฟแบบอเมริกัน” เพื่ออ้างอิงถึงผู้เริ่มต้นไอเดียนี้ และชื่อ Americano ก็กลายเป็นชื่อมาตรฐานในวงการกาแฟทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน

อเมริกาโน่ vs กาแฟดำ ต่างกันตรงไหน?

เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะคอกาแฟที่เริ่มหันมาดื่ม กาแฟไม่ใส่น้ำตาล หรือ กาแฟไม่ใส่นม วันนี้เรามาเคลียร์ให้ชัดแบบเข้าใจง่ายๆใน world lotto หวย กันครับ

อเมริกาโน่

กรรมวิธีในการชง อเมริกาโน่

👉 เกิดจากการชง เอสเพรสโซ (Espresso) แล้วเติม น้ำร้อน เพิ่มลงไป

✅ เครื่องชงแรงดันสูง กลั่นกาแฟในเวลาอันสั้น

✅ ได้รสเข้ม กลิ่นหอม แต่เจือจางกว่าช็อตเอสเพรสโซ

รสชาติและกลิ่นของ อเมริกาโน่

➤ มีกลิ่นกาแฟเข้ม หอมคั่ว กลิ่นลึก ๆ แบบเอสเพรสโซ

➤ มีความขม-เข้ม แต่เบากว่าเอสเพรสโซ

➤ รสชาติ “คม” และ “ดุดัน” กว่ากาแฟดริป

คาเฟอีนและปริมาณ

  • มีคาเฟอีนประมาณ 60–80 มก./ช็อต

กรรมวิธีในการชงกาแฟดำ

👉 เป็นกาแฟที่ได้จากการ ชงเมล็ดกาแฟกับน้ำร้อนโดยตรง เช่น ดริป, เฟรนช์เพรส, กาแฟโบราณ

✅ ไม่เติมน้ำร้อนเพิ่ม เพราะน้ำร้อนคือส่วนที่ใช้ชงตั้งแต่ต้น

✅ รสชาติขึ้นอยู่กับวิธีสกัด ใช้เวลาในการชงนานกว่าการชงเอสเพรสโซ

รสชาติและกลิ่น

➤ รสชาตินุ่มกว่า กลิ่นหอมบาง เบาสบายกว่าหน่อย

➤ เหมาะกับคนที่ชอบความละมุน กลิ่นกาแฟแบบธรรมชาติ

➤ ดริปดี ๆ บางตัวมีรสเปรี้ยว/ผลไม้แบบ Specialty Coffee

คาเฟอีนและปริมาณ

  • กาแฟดำ (ดริป 1 ถ้วย) อาจมีคาเฟอีนสูงกว่าเล็กน้อย 80–120 มก. ขึ้นกับปริมาณกาแฟที่ใช้

ดื่ม อเมริกาโน่ ยังไงให้ได้ฟีล

1.) เลือกเวลาให้เหมาะกับอารมณ์

  • ตอนเช้า: เหมาะกับการจิบแบบร้อนเบา ๆ พร้อมเพลงแจ๊ส เปิดม่านให้แสงแดดส่อง
  • ตอนบ่าย: ดื่มแบบเย็น ช่วยปลุกความสดชื่น ขมแต่คูล เหมาะกับวันที่งานล้นมือ
  • ตอนฝนตก: แก้วอุ่น ๆ กับบรรยากาศเงียบๆ = ฟีลเหมือนอยู่ในซีรีส์เกาหลี

 

2.) จิบช้าๆ ไม่ต้องรีบ

  • ไม่ใช่กาแฟที่ควรซดรวดเดียว
  • ลองสูดกลิ่นก่อนจิบ และ รับรู้รสปลายลิ้น แล้วกลืนช้า ๆ
  • จะรู้เลยว่ากาแฟดำมันมีรสและกลิ่นที่เปลี่ยนไปในแต่ละวินาที

 

3.) เปิดเพลงเบาๆ ประกอบ

  • เพลงแจ๊ส หรืออินดี้อะคูสติกเบา ๆ จะทำให้กาแฟธรรมดากลายเป็นโมเมนต์ที่น่าจดจำ
  • ลองเปิด Lo-Fi หรือเพลย์ลิสต์ Café Vibes ก็จะได้ฟีลเหมือนอยู่คาเฟ่แม้จะอยู่บ้าน

 

4.) ดื่มที่มุมโปรดหรือเปลี่ยนบรรยากาศ

  • ถ้าดื่มที่บ้าน ลองจัดมุมกาแฟเล็กๆ ใกล้หน้าต่างหรือถ้าอยู่นอกบ้าน หาเวลาไปคาเฟ่ชิลๆ สักแห่ง แค่เปลี่ยนสถานที่ก็ทำให้ฟีลมาแบบไม่รู้ตัวเหมือน หวยไว


5.) ลองแบบมีลูกเล่น

  • Iced Americano + มะนาวฝานบาง ๆ = สดชื่นขึ้นแบบคาดไม่ถึง
  • Americano Soda = เพิ่มโซดาแทนน้ำร้อนซ่าๆ เย็นๆ ฟีลสดใสซัมเมอร์หรือแม้แต่ ใส่ไซรัปวนิลา นิดเดียวก็เปลี่ยนรสไปเลย

อเมริกาโน่ เหมาะกับใคร

อเมริกาโน่

☕ 1. คนที่อยากตื่นแบบเนียนๆ

  • มีคาเฟอีนพอประมาณ ไม่แรงจัดแบบช็อตเอสเพรสโซ
  • เหมาะกับเช้าวันทำงานที่ต้องใช้สมาธิ แต่ไม่อยากหัวใจเต้นรัว
  • ดื่มแล้วรู้สึกตาสว่างแบบผู้ดีไม่ใช่แบบร่างสั่น

🌱 2. สายคลีน-รักสุขภาพ

  • ไม่มีน้ำตาล ไม่มีนม ไม่มีแคลอรีส่วนเกิน
  • เหมาะกับสายลดน้ำหนัก คีโต หรือคนที่เฮลท์ตี้แต่ยังติดกาแฟ
  • ดื่มแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองมีระเบียบชีวิตขึ้นมาทัน

🎨 3. คนที่อินกับรสชาติ มากกว่า ความหวาน

  • ชอบกลิ่นกาแฟจริงๆ ชอบความขมละมุน ชอบความซับซ้อนของเมล็ด
  • เป็นพวกที่พูดว่ากาแฟดี ไม่ต้องใส่อะไรเพิ่ม
  • แค่จิบก็ฟินกับกลิ่นคั่ว กลิ่นดิน กลิ่นดาร์กช็อกโกแลต ฯลฯ

⌛ 4. คนที่มีเวลาจิบไม่ใช่ซด

  • ดื่มกาแฟแบบไม่รีบ อยากมีช่วงเวลาเงียบ ๆ กับตัวเอง
  • เหมาะกับการนั่งทำงาน อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงชิล ๆ
  • จิบทีละนิดให้กาแฟค่อย ๆ คลี่รสออกมา เหมือนดูหนังอาร์ต

💼 5. สายทำงาน สายคิด สายดิ่ง

  • ต้องใช้สมอง คิดงาน สร้างสรรค์
  • ช่วยให้รู้สึกปลุกพลังแต่ไม่กระตุกใจ
  • เหมาะกับคนที่ “มีอะไรในหัว” และอยากกาแฟมาช่วยปลุกให้ไอเดียลื่น

สรุป

อย่างที่รู้กันว่ากาแฟเกือบจะเป็นส่วนหนึ่งของวัยทำงานเลยก็ว่าได้ เป็นเครื่องดื่มที่วัยทำงานจะกินทุกเช้าก่อนทำงาน หรือบางคนดื่มทั้ง เช้า กลางวัน เย็น เลยก็ว่าได้ การเลือกกาแฟที่ดีและเหมาะกับตัวเองจะทำให้กาแฟนั้นๆมาประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

Scroll to top